แชร์

เด็กชอบเล่นกับเพื่อนแรง ๆ รับมืออย่างไรดี

       พฤติกรรมการเล่นแรงเป็นปัญหาที่ผู้ปกครองหนักใจเป็นอย่างมาก เพราะกระทบกับพัฒนาการด้านการเข้าสังคม เวลาพาเด็กไปเจอสังคมและสถานที่ใหม่ ๆ เด็กในช่วงอายุ 3 ปีขึ้นไป เริ่มมีความคิดเป็นของตัวเอง แสดงอารมณ์มากขึ้น มีการเคลื่อนไหวแขนและขามากขึ้นมาจากพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อมัดใหญ่ที่เริ่มแข็งแรง และเริ่มอยากมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ซึ่งปัญหาเล่นแรงเกิดได้จากหลายสาเหตุ คือ

- เด็กไม่รับรู้อารมณ์ของผู้อื่น ไม่สามารถบอกได้ว่าเมื่อผู้อื่นแสดงสีหน้าและท่าทางแบบไหน ผู้อื่นกำลังรู้สึกอะไร

- เด็กเรียกร้องความสนใจ เมื่อถูกผู้ปกครองละเลย

- เด็กไม่ได้ปลดปล่อยพลังผ่านการเล่นเลย ไม่มีสถานที่ให้เล่น

- เด็กมีปัญหาการประมวลผลประสาทความรู้สึก ทำให้ไม่สามารถกะแรง กะระยะได้ การแสดงพฤติกรรมขณะเล่นจึงกลายเป็นพฤติกรรมที่ดูรุนแรง เช่น เด็กอยากจะเข้าไปเล่นกับเพื่อนด้วยการแตะไหล่เพื่อน แต่ไม่รู้วิธีการกะแรงจึงออกแรงเยอะเป็นการผลักเพื่อนแทน

- เมื่อเด็กมีอารมณ์เสียใจ โมโห หงุดหงิด แต่ไม่รู้ว่าควรระบายอารมณ์เชิงลบอย่างไร อาจทำให้เกิดเป็นพฤติกรรมรุนแรงได้ เช่น ขว้างของ ปาของใส่ผู้อื่น ทุบโต๊ะ เตะผู้อื่น

- เด็กเลียนแบบพฤติกรรมรุนแรง มาจากสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ผู้ปกครองเคยแสดงพฤติกรรมรุนแรงให้ดู หรือเคยเห็นพฤติกรรมนี้จากที่โรงเรียน

วิธีการแก้ไขปัญหาการเล่นแรง

1. ควรสอนให้เด็กรู้จักอารมณ์พื้นฐานของตนเอง และสอนให้สังเกตอารมณ์ของผู้อื่นผ่านสีหน้าและท่าทาง เพื่อให้สามารถแสดงออกทางอารมณ์กลับไปได้อย่างเหมาะสม

2. ควรให้เวลาคุณภาพกับเด็ก ผู้ปกครองควรใช้เวลากับลูกผ่านการเล่น เพื่อกระตุ้นพัฒนาการและสอนทักษะต่าง ๆ เมื่อลูกต้องเข้าไปอยู่ในสังคม เช่น ไปโรงเรียน ไปที่สาธารณะ

3. จัดกิจกรรมและสถานที่ให้เด็กพร้อมปลดปล่อยพลังผ่านการเล่น และชักชวนให้เล่นแบบมีปฏิสัมพันธ์กับคนในครอบครัวและผู้อื่น เนื่องจากเด็กในวัยนี้เป็นช่วงที่มีการพัฒนาด้านกล้ามเนื้อมัดใหญ่มาก

4. ส่งเสริมกิจกรรมที่ต้องใช้การกะแรง และการกะระยะ เพื่อให้เด็กรู้จักควบคุมแรงของตนเอง เช่น โยนลูกบอลลงห่วง

5. หากสาเหตุมาจากสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ผู้ปกครองควรงดจอ ควบคุมเนื้อหาของสื่อ หรือจำกัดจำนวนการดู เนื่องจากเด็กที่ได้รับสื่อผ่านการดูจอมา ยังไม่มีความคิดซับซ้อนที่สามารถแยกความเป็นเหตุและผลได้ด้วยตนเอง ทำให้เด็กเลือกใช้การจดจำและนำมาใช้กับผู้อื่น เพราะไม่รู้ผลกระทบของการทำพฤติกรรมนั้น ๆ ถ้าพฤติกรรมรุนแรงมาจากการเลียนแบบผู้ปกครอง ควรฝึกปรับพฤติกรรมของผู้ปกครองเองแล้วแสดงพฤติกรรมที่เหมาะสม เพื่อเป็นต้นแบบให้เด็กได้เรียนรู้


บทความที่เกี่ยวข้อง
4 วิธีช่วยให้ลูกออทิสติกผ่านวันหยุดไปได้อย่างราบรื่น
สำหรับบางครอบครัว โดยเฉพาะครอบครัวที่มีลูกเป็นออทิสติก ช่วงวันหยุดกลับกลายเป็นช่วงที่เต็มไปด้วยความเครียดและความกังวล เพราะพ่อแม่มักกังวลว่าประเพณีและความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในกิจวัตรประจำวัน จะส่งผลอย่างไรกับลูกของตน
ภาวะการแพ้กลูเตน และโรคเซลิแอค กับ เด็กออทิสติก
•กลูเตนคือโปรตีนที่พบในข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ข้าวไรย์ และมอลต์ •ใช้เป็นสารเพิ่มความหนืด รสชาติ หรือความคงตัวในอาหาร •แม้ข้าวโอ๊ตจะไม่มีกลูเตนโดยธรรมชาติ แต่เสี่ยงปนเปื้อน จึงมักแนะนำให้หลีกเลี่ยง •อาหารที่มักมีกลูเตน ได้แก่ พิซซ่า แครกเกอร์ พาสต้า คุกกี้ ขนมปัง เบเกิล และเบียร์
10 อันดับน้ำมันหอมระเหยที่ดีสำหรับเด็กออทิสติก และ เด็กสมาธิสั้น
น้ำมันหอมระเหย (Essential oils) คือของเหลวที่กลั่นจากส่วนต่างๆ ของพืช เช่น ใบ ดอก เปลือกไม้ ราก ฯลฯ ใช้บำบัดทั้งทางร่างกายและจิตใจ
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy