การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องยากสำหรับเด็กออทิสติก แต่ ด้วยการเตรียมล่วงหน้า กิจวัตรที่ชัดเจน การสนับสนุนทางอารมณ์ และความร่วมมือกับโรงเรียน จะช่วยให้เด็กค่อย ๆ ปรับตัวได้ดีขึ้น ลดพฤติกรรมที่ยากลำบาก และสร้างความมั่นใจในการเผชิญสิ่งใหม่ ๆ
เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี ค.ศ. 2024 ในวารสารการแพทย์เฮลิยอน มีบทความตีพิมพ์ฉบับล่าสุดเกี่ยวกับการทบทวนงานวิจัยอย่างเป็นระบบ (systematic review) สำหรับการรักษาโรคออทิสติกด้วยเครื่องกระตุ้นคลื่นแม่เหล็กผ่านสมอง (Yuan, 2024) นี่เป็นอีกครั้งที่ TMS (Transcranial Magnetic Stimulation)
ผู้ที่มีภาวะออทิสติกมักมี วิธีแสดงความรักและความผูกพัน ที่แตกต่างจากคนทั่วไป เช่น อาจไม่สบตา ไม่กอด หรือไม่พูดคำหวาน แต่ไม่ได้หมายความว่า พวกเขาไม่มีความรักหรือไม่ต้องการความสัมพันธ์ เพียงแต่การแสดงออกของเขาไม่อยู่ในรูปแบบที่สังคม คาดหวัง
การสนับสนุนเด็กออทิสติกในการจัดการอารมณ์ ไม่ใช่เรื่องของการ "ควบคุมพฤติกรรม" เพียงอย่างเดียว แต่คือการ สร้างความเข้าใจ และ พัฒนาเครื่องมือทางอารมณ์
เด็กออทิสติกสามารถเรียนรู้ที่จะนอนได้ แต่ต้องอาศัยความเข้าใจในตัวเด็กแต่ละคน และต้องอิงทั้งพฤติกรรม สิ่งแวดล้อม และการตอบสนองทางประสาทสัมผัส
เด็กหลายคน โดยเฉพาะเด็กออทิสติก มักมีความรู้สึกเชิงลบกับอาหารใหม่ ๆ ซึ่งอาจเกิดจากประสบการณ์ไม่ดี ความเครียดจากประสาทสัมผัส หรือปัญหาในการควบคุมสิ่งแวดล้อม เป้าหมายคือ เปลี่ยน อคติทางอาหาร (food aversion) ให้กลายเป็น ทัศนคติเชิงบวก (positive food attitudes) ผ่านแนวทางแบบค่อยเป็นค่อยไป
สำหรับบางครอบครัว โดยเฉพาะครอบครัวที่มีลูกเป็นออทิสติก ช่วงวันหยุดกลับกลายเป็นช่วงที่เต็มไปด้วยความเครียดและความกังวล เพราะพ่อแม่มักกังวลว่าประเพณีและความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในกิจวัตรประจำวัน จะส่งผลอย่างไรกับลูกของตน
•กลูเตนคือโปรตีนที่พบในข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ข้าวไรย์ และมอลต์ •ใช้เป็นสารเพิ่มความหนืด รสชาติ หรือความคงตัวในอาหาร •แม้ข้าวโอ๊ตจะไม่มีกลูเตนโดยธรรมชาติ แต่เสี่ยงปนเปื้อน จึงมักแนะนำให้หลีกเลี่ยง •อาหารที่มักมีกลูเตน ได้แก่ พิซซ่า แครกเกอร์ พาสต้า คุกกี้ ขนมปัง เบเกิล และเบียร์
น้ำมันหอมระเหย (Essential oils) คือของเหลวที่กลั่นจากส่วนต่างๆ ของพืช เช่น ใบ ดอก เปลือกไม้ ราก ฯลฯ ใช้บำบัดทั้งทางร่างกายและจิตใจ
เมื่อถึงวัยที่เด็กเริ่มจับดินสอขีดเขียนแล้ว ผู้ปกครองหลายคนคงเจอปัญหาว่าทำไมเด็ก ๆ ถึงเขียนตัวอักษรกลับด้าน สับสนในการเขียนพยัญชนะม้วนหัวเข้าหรือออกบางตัว ฝึกเขียนซ้ำหลายครั้งแล้วก็ยังเขียนกลับด้านเหมือนเดิม
ปัญหาที่เรามักจะพบได้บ่อยในเด็กวัยเริ่มเขียน คือ เด็กจับดินสอไม่ถูกต้อง จับดินสอไม่เป็น ส่งผลให้เด็กไม่มั่นใจและไม่ให้ความร่วมมือในการเขียน
กล้ามเนื้อมัดเล็ก (Fine Motor) คือ ส่วนของกล้ามเนื้อตั้งแต่ข้อมือ ฝ่ามือ ไปจนถึงนิ้วมือ เป็นส่วนสำคัญที่ใช้ในการหยิบจับสิ่งของ และออกแรงเพื่อควบคุมทิศทางในการทำกิจกรรมต่าง ๆ
การดูดนิ้ว (Thumb Sucking) เป็นพฤติกรรมที่พบได้ตั้งแต่แรกเกิด โดยเด็กมักจะแสดงพฤติกรรมนี้เมื่ออายุ 18 สัปดาห์ และควรจะลดลงจนหายไปเอง
เมื่อเด็กเข้าสู่ช่วงวัย 1 - 3 ปี เป็นวัยที่มีความคิดเป็นของตัวเองค่อนข้างสูง เริ่มรู้จักความต้องการของตนเอง รู้จักการปฏิเสธมากขึ้น ปัญหาที่มาจากการที่เด็กเริ่มรู้จักตัวเองมากขึ้น คือ เลือกกิน กินยาก เบื่ออาหาร และไม่ยอมกินอาหาร
คุณภาพการนอน เป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ส่งผลต่อการเรียนรู้ ความคิด และอารมณ์ของเด็ก ซึ่งปัญหาการนอนที่พบ ได้แก่ ไม่ยอมเข้านอน นอนดึก ตื่นกลางดึก และนอนละเมอ
การช่วยเหลือตนเองในการทำกิจวัตรประจำวัน เป็นทักษะสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ผู้ปกครองควรส่งเสริมให้เด็กมีพื้นฐานที่ดี เพราะกิจวัตรประจำวันเป็นสิ่งจำเป็นที่เด็กทุกคนต้องทำประจำไม่ว่าจะเป็น การรับประทานอาหาร การแต่งกาย การขับถ่าย และการดูแลความสะอาดของร่างกาย
พฤติกรรมการเล่นแรงเป็นปัญหาที่ผู้ปกครองหนักใจเป็นอย่างมาก เพราะกระทบกับพัฒนาการด้านการเข้าสังคม เวลาพาเด็กไปเจอสังคมและสถานที่ใหม่ ๆ
การเล่น เป็นกิจกรรมการดำเนินชีวิตที่สำคัญในวัยเด็ก มีส่วนช่วยให้เด็กได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ และช่วยส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการสมวัยในทุก ๆ ด้าน เช่น พัฒนาการด้านกล้ามเนื้อมัดใหญ่ พัฒนาการด้านกล้ามเนื้อมัดเล็ก พัฒนาการด้านภาษา และพัฒนาการด้านการเข้าสังคม เป็นต้น
อย่างที่เราทราบกันแล้วว่า Neurofeedback เป็นการปรับการทำงานของสมอง โดยการนำวิธีการสะท้อนกลับของคลื่นสมองมาเป็นตัวช่วยในการปรับคลื่นสมอง โดยวัดคลื่นสมองแบบ Real-time แล้วนำผลลัพธ์ที่ได้มาแสดงให้เห็นผ่านทางภาพ วิดีโอ หรือเสียง
โรคร่วม (Comorbidity) คือ การเกิดโรคร่วมตั้งแต่สองโรคเป็นต้นไปในผู้ป่วยรายเดียว ซึ่งโรคร่วมที่อาจเกิดขึ้นได้ในเด็กออทิสติกมีดังนี้
ในปัจจุบันมีงานวิจัยที่ศึกษาผลการรักษาด้วย TMS ในเด็กออทิสติกอย่างแพร่หลาย จากงานวิจัยของ Ali และคณะ
อย่างที่เราทราบกันดีว่า การกระตุ้นตัวเอง เป็นอาการสำคัญที่นำมาสู่การวินิจฉัยโรคออทิสติก (Autism Spectrum Disorder)
สิ่งหนึ่งที่ผู้ปกครองกังวลใจเป็นอันดับต้น ๆ ในเด็กออทิสติก เป็นเรื่องของพฤติกรรมกระตุ้นตัวเอง มักได้รับคำถามว่า ทำไมลูกกระตุ้นตัวเองตลอดเวลาเลยคะ แก้ไขยังไงได้บ้างคะ
พฤติกรรมกระตุ้นตัวเองในเด็กออทิสติกมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของการบูรณาการประสาทความรู้สึก ส่งผลให้การปรับตัวต่อสิ่งเร้าต่าง ๆ บกพร่อง
พฤติกรรมกระตุ้นตัวเอง (Self-Stimulation) พบได้ในเด็กออทิสติก ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ผู้ปกครองมีความกังวลใจเป็นอย่างมาก
ก่อนที่จะพูดถึงการรักษาด้วย Neurofeedback ว่ามีส่วนช่วยในการรักษาและฟื้นฟูสมองของคนเรายังไงนั้น จะต้องทำความรู้จักเกี่ยวกับการตรวจวัดการทำงานของสมองด้วยการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (QEEG) กันก่อน
ในยุคปัจจุบันที่สื่ออิเล็กทรอนิกส์เข้ามามีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของทุกคน หนึ่งในนั้นรวมไปถึงการเลี้ยงเด็กด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ แท็บแล็ต และโทรทัศน์
การส่งเสริมพัฒนาการด้านการสื่อสารในเด็ก การส่งเสริมพัฒนาการด้านการสื่อสาร การกระตุ้นพัฒนาการที่ง่ายที่สุดและช่วยให้เกิดความก้าวหน้าของการฝึก
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy