การจัดการพฤติกรรมและการกำกับตัวเอง

การจัดการพฤติกรรมและการกำกับตัวเอง
การจัดการพฤติกรรม (Behavior management) หมายถึงกลยุทธ์ที่ออกแบบมาเพื่อลดพฤติกรรมไม่พึงประสงค์และเพิ่มพฤติกรรมทดแทนที่เหมาะสม
การกำกับตัวเอง (Self-regulation) คือความสามารถในการควบคุมอารมณ์ พฤติกรรม และการตอบสนองทางกายเมื่อเจอความเครียดหรือสิ่งเร้า ทักษะสำคัญที่ช่วยให้เด็กออทิสติกทำงานร่วมกับคนอื่นได้ดีขึ้นและมีอิสรภาพเพิ่มขึ้นในชีวิตประจำวัน
หลักการทั่วไป
เริ่มจากความเข้าใจ ไม่ใช่การลงโทษ มองหาสาเหตุของพฤติกรรม (function of behavior) ก่อนจะตอบสนอง เพื่อออกแบบการช่วยเหลือที่ตรงจุด
2. ใช้แนวทางเชิงบวกเป็นหลัก เสริมแรงให้พฤติกรรมที่ต้องการแทนการลงโทษ เพื่อให้พฤติกรรมนั้นซ้ำบ่อยขึ้น.
3. ปรับสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม ลดสิ่งเร้าทางประสาทสัมผัสที่เกินรับไหว และสร้างพื้นที่ที่คาดเดาได้ (structure & predictability)
ยุทธศาสตร์เชิงปฏิบัติ
1) การเสริมแรงเชิงบวก
- หลักการ: ให้รางวัลหรือยืนยันเชิงบวกทันทีเมื่อเด็กแสดงพฤติกรรมที่ต้องการ (เช่น พูดคำสั้น ๆ ขอก่อนหยิบของ) เพื่อเพิ่มโอกาสพฤติกรรมนั้นจะเกิดซ้ำ
- ตัวอย่างปฏิบัติ: ให้ของรางวัล เช่น สติ๊กเกอร์, ให้เวลาเล่นเพิ่ม 2 นาที, คำชมเฉพาะเจาะจง
- ข้อแนะนำ: รางวัลควรสอดคล้องกับแรงจูงใจของเด็กและให้ทันทีหลังพฤติกรรม
- หลักการ: สอนทางเลือกการสื่อสารที่เหมาะสม (คำง่าย ท่าทาง การ์ดสื่อสาร) เพื่อให้เด็กใช้วิธีนั้นแทนการแสดงพฤติกรรม เช่น กระทืบเท้า, ตบโต๊ะ
- ตัวอย่างปฏิบัติ: ถ้าเด็กชอบโยนของเมื่ออยากได้ความสนใจ สอนให้ชี้บัตรคำว่า เล่นด้วย แล้วให้รางวัลทันทีเมื่อใช้บัตรนั้น
- เหตุผล: เมื่อลดสาเหตุ (need) ของพฤติกรรม เด็กจะมีพฤติกรรมปัญหาน้อยลง
3) สื่อภาพช่วยคาดเดา
- หลักการ: ใช้ตารางภาพ (visual schedule), การ์ดกิจวัตร, communication boards เพื่อให้เด็กรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไร (ลดความวิตก)
- ตัวอย่างปฏิบัติ: ตารางภาพเช้า-กลางวัน-เย็น; บอร์ดคำสั้น ๆ สำหรับขอหยุด/ขอพัก; Social story อธิบายขั้นตอนกิจกรรม
- ผล: ลดการต่อต้านเปลี่ยนแปลงและช่วยให้การเปลี่ยนสถานะ (transitions) ราบรื่นขึ้น
- หลักการ: เล่าเรื่องสั้นประกอบภาพ (social stories) เพื่ออธิบายสถานการณ์ทางสังคมและแนวทางตอบสนองที่เหมาะสม
- ตัวอย่าง: เรื่องสั้นเรื่องการแบ่งของเล่นในห้องเรียน + เล่นบทบาทเป็นเพื่อน/ครูให้เด็กฝึกตอบสนอง
- ประโยชน์: ช่วยเตรียมความคิดก่อนเข้าสถานการณ์จริง และลดความวิตกกังวลเมื่อเผชิญเหตุการณ์นั้นจริง ๆ
- หลักการ: ให้เวลาพักทางประสาทสัมผัสในช่วงที่เด็กเริ่มตึงเครียด เช่น swing, กิจกรรมแรงต้าน (heavy work), เล่นของเนื้อสัมผัส
- ตัวอย่าง: แทรก sensory break 510 นาทีหลังงานที่ต้องใช้ความตั้งใจ ช่วงพักให้ทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย
- ผล : ลดโอกาสเกิด meltdown และเพิ่มความสามารถในการตั้งใจทำงาน
- หลักการ: สอนทักษะการหายใจ การสังเกตอารมณ์ และใช้ emotion charts เพื่อให้เด็กเรียนรู้ตั้งชื่อความรู้สึก
- ตัวอย่าง: ฝึกหายใจ กล่องสี่ด้าน (4-4-4) หรือใช้ขวดสงบใจ (calm-down bottle) เมื่อเริ่มโวยวาย
- ประโยชน์: ช่วยให้เด็กมีเครื่องมือสงบตนเองเมื่อตึงเครียด และพัฒนาคำศัพท์ด้านอารมณ์
- อย่าเผชิญด้วยการลงโทษ/การตำหนิ จะทำให้อาการรุนแรงขึ้น
- ลดสิ่งเร้าทันที นำเด็กไปพื้นที่เงียบ ปิดไฟ/ลดเสียง
- ใช้โปรโตคอลความปลอดภัย (เช่น ถ้าเด็กมีพฤติกรรมอันตราย ให้แยกพื้นที่อย่างปลอดภัยและเรียกผู้ช่วย)
- ปฐมพยาบาลทางอารมณ์หลังเหตุการณ์ คุยแบบไม่ตัดสินใจเมื่อเด็กสงบแล้ว เพื่อช่วยเรียนรู้จากเหตุการณ์ (recovery & repair)
การจัดการพฤติกรรมที่มีประสิทธิผลสำหรับเด็กออทิสติก ต้องผสมผสาน
: การประเมินสาเหตุ, การสอนการสื่อสารทดแทน, สื่อภาพ, การเสริมแรงเชิงบวก, การจัดการประสาทสัมผัส และฝึกการกำกับตัวเองแบบเป็นขั้นตอน
ความต่อเนื่องและความสอดคล้องระหว่างบ้าน โรงเรียน และนักบำบัดเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการเห็นผลระยะยาว


