บทความ

เมื่อถึงวัยที่เด็กเริ่มจับดินสอขีดเขียนแล้ว ผู้ปกครองหลายคนคงเจอปัญหาว่าทำไมเด็ก ๆ ถึงเขียนตัวอักษรกลับด้าน สับสนในการเขียนพยัญชนะม้วนหัวเข้าหรือออกบางตัว ฝึกเขียนซ้ำหลายครั้งแล้วก็ยังเขียนกลับด้านเหมือนเดิม

ปัญหาที่เรามักจะพบได้บ่อยในเด็กวัยเริ่มเขียน คือ เด็กจับดินสอไม่ถูกต้อง จับดินสอไม่เป็น ส่งผลให้เด็กไม่มั่นใจและไม่ให้ความร่วมมือในการเขียน

กล้ามเนื้อมัดเล็ก (Fine Motor) คือ ส่วนของกล้ามเนื้อตั้งแต่ข้อมือ ฝ่ามือ ไปจนถึงนิ้วมือ เป็นส่วนสำคัญที่ใช้ในการหยิบจับสิ่งของ และออกแรงเพื่อควบคุมทิศทางในการทำกิจกรรมต่าง ๆ

การดูดนิ้ว (Thumb Sucking) เป็นพฤติกรรมที่พบได้ตั้งแต่แรกเกิด โดยเด็กมักจะแสดงพฤติกรรมนี้เมื่ออายุ 18 สัปดาห์ และควรจะลดลงจนหายไปเอง

เมื่อเด็กเข้าสู่ช่วงวัย 1 - 3 ปี เป็นวัยที่มีความคิดเป็นของตัวเองค่อนข้างสูง เริ่มรู้จักความต้องการของตนเอง รู้จักการปฏิเสธมากขึ้น ปัญหาที่มาจากการที่เด็กเริ่มรู้จักตัวเองมากขึ้น คือ เลือกกิน กินยาก เบื่ออาหาร และไม่ยอมกินอาหาร

คุณภาพการนอน เป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ส่งผลต่อการเรียนรู้ ความคิด และอารมณ์ของเด็ก ซึ่งปัญหาการนอนที่พบ ได้แก่ ไม่ยอมเข้านอน นอนดึก ตื่นกลางดึก และนอนละเมอ

การช่วยเหลือตนเองในการทำกิจวัตรประจำวัน เป็นทักษะสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ผู้ปกครองควรส่งเสริมให้เด็กมีพื้นฐานที่ดี เพราะกิจวัตรประจำวันเป็นสิ่งจำเป็นที่เด็กทุกคนต้องทำประจำไม่ว่าจะเป็น การรับประทานอาหาร การแต่งกาย การขับถ่าย และการดูแลความสะอาดของร่างกาย

พฤติกรรมการเล่นแรงเป็นปัญหาที่ผู้ปกครองหนักใจเป็นอย่างมาก เพราะกระทบกับพัฒนาการด้านการเข้าสังคม เวลาพาเด็กไปเจอสังคมและสถานที่ใหม่ ๆ

การเล่น เป็นกิจกรรมการดำเนินชีวิตที่สำคัญในวัยเด็ก มีส่วนช่วยให้เด็กได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ และช่วยส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการสมวัยในทุก ๆ ด้าน เช่น พัฒนาการด้านกล้ามเนื้อมัดใหญ่ พัฒนาการด้านกล้ามเนื้อมัดเล็ก พัฒนาการด้านภาษา และพัฒนาการด้านการเข้าสังคม เป็นต้น

ปัจจุบันมีเด็กจำนวนไม่น้อยที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กที่กำลังเข้าสู่วัยเรียน และยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักจะพบปัญหาเกี่ยวกับการอ่านบ่อยที่สุด

ทำไมลูกเราถึงซน ชอบวิ่งไปวิ่งมา อยู่ไม่ค่อยนิ่งเลย? เป็นสิ่งที่ผู้ปกครองหลายคนกังวลว่าจริง ๆ แล้ว ลูกเราแค่ซนหรือมีอาการเข้าข่ายสมาธิสั้น

อย่างที่เราทราบกันแล้วว่า Neurofeedback เป็นการปรับการทำงานของสมอง โดยการนำวิธีการสะท้อนกลับของคลื่นสมองมาเป็นตัวช่วยในการปรับคลื่นสมอง โดยวัดคลื่นสมองแบบ Real-time แล้วนำผลลัพธ์ที่ได้มาแสดงให้เห็นผ่านทางภาพ วิดีโอ หรือเสียง

ก่อนที่จะพูดถึงการรักษาด้วย Neurofeedback ว่ามีส่วนช่วยในการรักษาและฟื้นฟูสมองของคนเรายังไงนั้น จะต้องทำความรู้จักเกี่ยวกับการตรวจวัดการทำงานของสมองด้วยการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (QEEG) กันก่อน

ในปัจจุบันมีงานวิจัยที่ศึกษาผลการรักษาด้วย TMS ในเด็กออทิสติกอย่างแพร่หลาย จากงานวิจัยของ Ali และคณะ

โรคร่วม (Comorbidity) คือ การเกิดโรคร่วมตั้งแต่สองโรคเป็นต้นไปในผู้ป่วยรายเดียว ซึ่งโรคร่วมที่อาจเกิดขึ้นได้ในเด็กออทิสติกมีดังนี้

อย่างที่เราทราบกันดีว่า การกระตุ้นตัวเอง เป็นอาการสำคัญที่นำมาสู่การวินิจฉัยโรคออทิสติก (Autism Spectrum Disorder)

สิ่งหนึ่งที่ผู้ปกครองกังวลใจเป็นอันดับต้น ๆ ในเด็กออทิสติก เป็นเรื่องของพฤติกรรมกระตุ้นตัวเอง มักได้รับคำถามว่า ทำไมลูกกระตุ้นตัวเองตลอดเวลาเลยคะ แก้ไขยังไงได้บ้างคะ

พฤติกรรมกระตุ้นตัวเองในเด็กออทิสติกมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของการบูรณาการประสาทความรู้สึก ส่งผลให้การปรับตัวต่อสิ่งเร้าต่าง ๆ บกพร่อง

พฤติกรรมกระตุ้นตัวเอง (Self-Stimulation) พบได้ในเด็กออทิสติก ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ผู้ปกครองมีความกังวลใจเป็นอย่างมาก

ในยุคปัจจุบันที่สื่ออิเล็กทรอนิกส์เข้ามามีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของทุกคน หนึ่งในนั้นรวมไปถึงการเลี้ยงเด็กด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ แท็บแล็ต และโทรทัศน์

การส่งเสริมพัฒนาการด้านการสื่อสารในเด็ก การส่งเสริมพัฒนาการด้านการสื่อสาร การกระตุ้นพัฒนาการที่ง่ายที่สุดและช่วยให้เกิดความก้าวหน้าของการฝึก

ในปัจจุบันสิ่งที่ผู้ปกครองมีความกังวลเกี่ยวกับลูกของตนเองนั้น อันดับต้น ๆ เป็นเรื่องของพัฒนาการด้านภาษาและการสื่อสาร ผู้ปกครองจะสังเกตว่าลูกไม่พูด

ในปัจจุบัน TMS ถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคต่าง ๆ อย่างแพร่หลายในกลุ่มผู้ป่วย เช่น โรคซึมเศร้า โรคอัลไซเมอร์ โรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น

ปัญหาสำคัญ 3 ด้านที่ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของเด็กออทิสติก ได้แก่ ด้านภาษา การเข้าสังคมและพฤติกรรมจำกัด