ความวิตกกังวล (Anxiety) เป็นภาวะที่พบได้บ่อยมากในบุคคลออทิสติก งานวิจัยระบุว่า มากกว่า 40–50% ของเด็กออทิสติกมีภาวะวิตกกังวลในระดับที่ต้องการการดูแล
ARFID (Avoidant/Restrictive Food Intake Disorder) คือความผิดปกติด้านการกินที่เด็กปฏิเสธอาหารบางชนิดอย่างรุนแรง หรือรับประทานอาหารได้น้อยมาก จนอาจทำให้ขาดสารอาหาร น้ำหนักไม่เพิ่มตามวัย หรือพัฒนาการชะงักได้
เด็กออทิสติกมักมีความท้าทายด้าน การสื่อสาร และ การควบคุมอารมณ์ เมื่อพวกเขาไม่สามารถบอกความต้องการหรือความรู้สึกได้ เกิดความ หงุดหงิด และนำไปสู่อารมณ์โกรธหรือการระเบิดอารมณ์ (tantrums)
ความสัมพันธ์ระหว่างออทิสติกกับโรคลมชัก งานวิจัยจำนวนมากพบว่า โรคลมชักพบได้บ่อยในบุคคลที่เป็นออทิสติก มากกว่าคนทั่วไป ประมาณ 20–30% ของเด็กออทิสติกอาจมีอาการชัก ในช่วงหนึ่งของชีวิต
ทำไมต้องเสริมทักษะการสื่อสาร เด็กออทิสติกบางคนอาจพูดได้ บางคนพูดได้น้อย หรือบางคนไม่พูดเลย การสื่อสารไม่ได้หมายถึง “คำพูดเท่านั้น”
เด็กออทิสติกจำนวนมากมีความยากลำบากในการใช้ภาษา พูดคุย หรือแสดงออกทางสังคม ปัญหาที่พบบ่อย ได้แก่: พูดช้า หรือไม่พูดเลย (non-verbal) พูดซ้ำคำหรือวลีที่ได้ยิน (echolalia) ใช้ประโยคที่ไม่ตรงกับบริบท ไม่เข้าใจภาษากาย น้ำเสียง หรือสีหน้าของผู้อื่น
ความมั่นใจในเด็กออทิสติกไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่สามารถ ปลูกฝังและเสริมสร้างได้ ผ่านการชมเชย เป้าหมายเล็ก ๆ ความสำเร็จเฉพาะตัว และสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนเด็กที่มีความมั่นใจจะสามารถ กล้าเข้าสังคม ลองสิ่งใหม่ ๆ และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณค่าในแบบของตนเอง
การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องยากสำหรับเด็กออทิสติก แต่ ด้วยการเตรียมล่วงหน้า กิจวัตรที่ชัดเจน การสนับสนุนทางอารมณ์ และความร่วมมือกับโรงเรียน จะช่วยให้เด็กค่อย ๆ ปรับตัวได้ดีขึ้น ลดพฤติกรรมที่ยากลำบาก และสร้างความมั่นใจในการเผชิญสิ่งใหม่ ๆ
เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี ค.ศ. 2024 ในวารสารการแพทย์เฮลิยอน มีบทความตีพิมพ์ฉบับล่าสุดเกี่ยวกับการทบทวนงานวิจัยอย่างเป็นระบบ (systematic review) สำหรับการรักษาโรคออทิสติกด้วยเครื่องกระตุ้นคลื่นแม่เหล็กผ่านสมอง (Yuan, 2024) นี่เป็นอีกครั้งที่ TMS (Transcranial Magnetic Stimulation)
ผู้ที่มีภาวะออทิสติกมักมี วิธีแสดงความรักและความผูกพัน ที่แตกต่างจากคนทั่วไป เช่น อาจไม่สบตา ไม่กอด หรือไม่พูดคำหวาน แต่ไม่ได้หมายความว่า พวกเขาไม่มีความรักหรือไม่ต้องการความสัมพันธ์ เพียงแต่การแสดงออกของเขาไม่อยู่ในรูปแบบที่สังคม คาดหวัง
การสนับสนุนเด็กออทิสติกในการจัดการอารมณ์ ไม่ใช่เรื่องของการ "ควบคุมพฤติกรรม" เพียงอย่างเดียว แต่คือการ สร้างความเข้าใจ และ พัฒนาเครื่องมือทางอารมณ์
เด็กออทิสติกสามารถเรียนรู้ที่จะนอนได้ แต่ต้องอาศัยความเข้าใจในตัวเด็กแต่ละคน และต้องอิงทั้งพฤติกรรม สิ่งแวดล้อม และการตอบสนองทางประสาทสัมผัส
เด็กหลายคน โดยเฉพาะเด็กออทิสติก มักมีความรู้สึกเชิงลบกับอาหารใหม่ ๆ ซึ่งอาจเกิดจากประสบการณ์ไม่ดี ความเครียดจากประสาทสัมผัส หรือปัญหาในการควบคุมสิ่งแวดล้อม เป้าหมายคือ เปลี่ยน อคติทางอาหาร (food aversion) ให้กลายเป็น ทัศนคติเชิงบวก (positive food attitudes) ผ่านแนวทางแบบค่อยเป็นค่อยไป
สำหรับบางครอบครัว โดยเฉพาะครอบครัวที่มีลูกเป็นออทิสติก ช่วงวันหยุดกลับกลายเป็นช่วงที่เต็มไปด้วยความเครียดและความกังวล เพราะพ่อแม่มักกังวลว่าประเพณีและความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในกิจวัตรประจำวัน จะส่งผลอย่างไรกับลูกของตน
•กลูเตนคือโปรตีนที่พบในข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ข้าวไรย์ และมอลต์ •ใช้เป็นสารเพิ่มความหนืด รสชาติ หรือความคงตัวในอาหาร •แม้ข้าวโอ๊ตจะไม่มีกลูเตนโดยธรรมชาติ แต่เสี่ยงปนเปื้อน จึงมักแนะนำให้หลีกเลี่ยง •อาหารที่มักมีกลูเตน ได้แก่ พิซซ่า แครกเกอร์ พาสต้า คุกกี้ ขนมปัง เบเกิล และเบียร์
น้ำมันหอมระเหย (Essential oils) คือของเหลวที่กลั่นจากส่วนต่างๆ ของพืช เช่น ใบ ดอก เปลือกไม้ ราก ฯลฯ ใช้บำบัดทั้งทางร่างกายและจิตใจ
อาการ "ซน อยู่ไม่นิ่ง หงุดหงิดง่าย"ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มของ hyperactivity และ hyperirritability เป็นลักษณะพบบ่อยในเด็กที่มีสมาธิสั้น (ADHD) โดยเฉพาะประเภท Combined type และสามารถสร้างความเหนื่อยใจให้กับทั้งครอบครัว โรงเรียน และตัวเด็กเองได้มาก
การทำความเข้าใจพื้นฐานอารมณ์ของเด็กสมาธิสั้น มักมีปัญหาในการควบคุมอารมณ์ (emotional regulation) เช่น ความหงุดหงิดง่าย โกรธไว วิตกกังวล หรือแสดงออกอย่างไม่เหมาะสม
การรักษาเด็ก ADHD เน้นการปรับสภาพแวดล้อม การสร้างโครงสร้างชีวิตที่เหมาะสม การดูแลสุขภาพพื้นฐาน การเสริมทักษะการเรียนรู้และสมาธิ การจัดการอารมณ์และพฤติกรรมอย่างเป็นระบบ การใช้วินัยเชิงบวก และการฝึกทักษะบริหารจัดการตนเองอย่างต่อเนื่อง
หนังสือ The ADHD Advantage ( Parenting Strategies To Turn Your Child’s Inattention, Hyperactivity and Impulsivity Into Superpowers ) เสนอแนวทางในการจัดการและใช้ประโยชน์จากลักษณะเฉพาะของเด็ก ADHD แทนที่จะมองว่าเป็นข้อจำกัด โดยสรุปแนวทางการรักษาและจัดการ ADHD จากหนังสือมีดังนี้
เมื่อถึงวัยที่เด็กเริ่มจับดินสอขีดเขียนแล้ว ผู้ปกครองหลายคนคงเจอปัญหาว่าทำไมเด็ก ๆ ถึงเขียนตัวอักษรกลับด้าน สับสนในการเขียนพยัญชนะม้วนหัวเข้าหรือออกบางตัว ฝึกเขียนซ้ำหลายครั้งแล้วก็ยังเขียนกลับด้านเหมือนเดิม
ปัญหาที่เรามักจะพบได้บ่อยในเด็กวัยเริ่มเขียน คือ เด็กจับดินสอไม่ถูกต้อง จับดินสอไม่เป็น ส่งผลให้เด็กไม่มั่นใจและไม่ให้ความร่วมมือในการเขียน
กล้ามเนื้อมัดเล็ก (Fine Motor) คือ ส่วนของกล้ามเนื้อตั้งแต่ข้อมือ ฝ่ามือ ไปจนถึงนิ้วมือ เป็นส่วนสำคัญที่ใช้ในการหยิบจับสิ่งของ และออกแรงเพื่อควบคุมทิศทางในการทำกิจกรรมต่าง ๆ
การดูดนิ้ว (Thumb Sucking) เป็นพฤติกรรมที่พบได้ตั้งแต่แรกเกิด โดยเด็กมักจะแสดงพฤติกรรมนี้เมื่ออายุ 18 สัปดาห์ และควรจะลดลงจนหายไปเอง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy