แชร์

การรับมือกับการเลือกกินในเด็กออทิสติก

ARFID คืออะไร และเกี่ยวข้องกับออทิสติกอย่างไร
  • ARFID (Avoidant/Restrictive Food Intake Disorder) คือความผิดปกติด้านการกินที่เด็กปฏิเสธอาหารบางชนิดอย่างรุนแรง หรือรับประทานอาหารได้น้อยมาก จนอาจทำให้ขาดสารอาหาร น้ำหนักไม่เพิ่มตามวัย หรือพัฒนาการชะงักได้
  • เด็กที่เป็น ออทิสติกมีแนวโน้มพบ ARFID มากขึ้น เมื่อเทียบกับประชากรทั่วไป พฤติกรรมการกินมักเชื่อมโยงกับปัญหาการรับรู้ทางประสาทสัมผัส (sensory processing) และรูปแบบพฤติกรรมที่ยึดติดกับกิจวัตร

รูปแบบพฤติกรรมการกินที่พบบ่อย (ลักษณะสำคัญ)

  • การคัดเลือกอย่างรุนแรง :ยอมกินเพียงไม่กี่ชนิด ซ้ำ ๆ หรือเป็นอาหารชนิดเดียวกันทุกมื้อ
  • ความเกลียด/กลัวอาหารใหม่ (neophobia) : ตกใจกับรส สี กลิ่น หรือเนื้อสัมผัสที่ไม่คุ้นเคย
  • พิธีกรรมมื้ออาหาร : ยึดติดกับลำดับหรือวิธีการกิน หากเปลี่ยนอาจเกิดความวิตกกังวลหรือ meltdown
  • ปฏิกิริยาทางพฤติกรรม: เกิดการต่อต้าน ปฏิเสธอาหาร ร้องไห้ หรือมีอาการเครียดรุนแรงเมื่อถูกบังคับให้กินสิ่งที่ไม่ชอบ

ปัจจัยต้นตอ (สาเหตุที่มักเกี่ยวข้อง)

  • ปัญหาการรับรู้ทางประสาทสัมผัส เช่น ไวต่อเนื้อสัมผัส (มู้ชี่/ลื่น), กลิ่น, รส, หรืออุณหภูมิอาหาร ซึ่งทำให้บางอาหารไม่สามารถยอมรับได้. 
  • ทักษะปาก-ลำคอ (oral-motor) ที่ยังไม่พัฒนา บางคนมีปัญหาการเคี้ยว/กลืน จึงหลีกเลี่ยงอาหารที่ต้องเคี้ยวมาก
  • ความวิตกกังวลและพฤติกรรมยึดติด การเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ นำไปสู่ความเครียดสูงและอาการทางพฤติกรรม


การประเมิน (Assessment) ควรทำอย่างไรเมื่อตั้งข้อสังเกต

1. พบนักการแพทย์เด็ก/ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตรวจการเจริญเติบโต (น้ำหนัก ส่วนสูง) และสั่งตรวจทางห้องปฏิบัติการหากจำเป็น (เช่น เบื้องต้นดูภาวะโภชนาการ)
2. ทีมสหวิชาชีพ ควรมีนักโภชนาการเด็ก (dietitian), นักการพูด/ภาษา (SLT), นักกิจกรรมบำบัด (OT), และนักจิตวิทยาหรือพฤติกรรมบำบัดร่วมประเมินเพื่อวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล


แนวทางการรักษาและการจัดการ

1) การจัดสภาพแวดล้อมมื้ออาหาร (Meal environment & routine)

  • ทำมื้ออาหารให้ คงที่และคาดการณ์ได้ เช่น เวลาโต๊ะเดียวกัน รูทีนก่อนและหลังมื้อ ลดความวิตกกังวล.
  • ปรับ สภาพแวดล้อมให้สอดคล้องกับความไวทางประสาทสัมผัส แสงไม่จ้า เสียงรบกวนน้อย ที่นั่งสบาย. 
2) การใช้สื่อภาพและโครงสร้าง (Visual supports & predictability)
  • ใช้ตารางภาพ (visual schedule), การ์ดรูปอาหาร, หรือ Social Stories เพื่ออธิบายขั้นตอนมื้ออาหารให้เห็นภาพชัดเจน
3) เทคนิคการเปิดรับทีละน้อย (Graded exposure / desensitization)
  • แบ่งการเผชิญหน้าเป็นขั้นตอนเล็ก ๆ (ไม่บังคับให้กินทันที):
  1. ดู/เห็นอาหารบนโต๊ะ
  2. แตะอาหารด้วยมือ
  3. นำอาหารมาใกล้จมูก / สูดกลิ่น
  4. เอาปากแตะ (ไม่กลืน)
  5. เคี้ยว/กลืนเป็นขั้นตอนสุดท้าย

ทำซ้ำแบบสม่ำเสมอและใช้การเสริมแรงเชิงบวกเมื่อเด็กแสดงความก้าวหน้าเล็ก ๆ

4) การบำบัดพฤติกรรมและการฝึกทักษะ (Behavioral & skill-based therapies)

  • ABA (Applied Behavior Analysis) สามารถออกแบบโปรแกรมเพื่อเพิ่มพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ต้องการและลดการหลีกเลี่ยง.
  • ใช้ การเสริมแรงเชิงบวก แทนการลงโทษ ให้รางวัลเมื่อเด็กพยายามหรือทดลองอาหารใหม่
5) การบำบัดด้านการทำงานกับประสาทสัมผัส (Sensory-based interventions / OT)
  • นักกิจกรรมบำบัด (OT) ช่วยทำโปรแกรมปรับความไวสัมผัส เช่น ฝึกสัมผัสเนื้อสัมผัสต่าง ๆ ในบริบทที่ควบคุมได้ เพื่อเพิ่มความทนทานต่อเนื้อสัมผัสอาหารใหม่. 
6) การฝึกทักษะปาก-ลำคอ (Oral-motor / Speech therapy)
  • หากเด็กมีปัญหาการบดเคี้ยวหรือกลืน ควรประเมินโดยนักการพูด (SLT) เพื่อฝึกกล้ามเนื้อปาก-ลำคอ และปรับเทคนิคการให้อาหาร
7) โภชนาการและการเสริม (Nutritional management & supplements)
  • หากอาหารจำกัดจนเสี่ยงขาดสารอาหาร ควร ร่วมมือกับนักโภชนาการ เพื่อออกแบบแผนอาหารหรือพิจารณาเสริมวิตามิน/แร่ธาตุตามความจำเป็น. หลายกรณีอาจให้ multivitamin/multimineral ภายใต้คำแนะนำแพทย์
8) สังคมและการมีส่วนร่วม (Social strategies)
  • ให้เด็ก มีส่วนร่วมในการเตรียมอาหาร (เช่น วางช้อน ช่วยคนผสม) เพื่อเพิ่มความคุ้นเคยและแรงจูงใจ.
  • ใช้ตัวอย่างจากสมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนไม่ว่าจะเป็นการทานอาหารร่วมกันอย่างเป็นธรรมชาติ (modeling). 
สิ่งที่ควรทำ
  • เริ่มทีละเล็กทีละน้อย ฉลองความสำเร็จเล็ก ๆ
  • บันทึกพฤติกรรมการกินและสิ่งกระตุ้น
  • ทำงานร่วมกับครูและทีมผู้เชี่ยวชาญ
  • ใช้การเสริมแรงเชิงบวก ไม่ใช่การลงโทษ
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
  • ห้ามบังคับให้กิน
  • หลีกเลี่ยงการดุด่าหรือทำให้มื้ออาหารเต็มไปด้วยความกดดัน

บทความที่เกี่ยวข้อง
การจัดการพฤติกรรมและอารมณ์เมื่อต้องเผชิญความเปลี่ยนแปลงในเด็กออทิสติก
การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องยากสำหรับเด็กออทิสติก แต่ ด้วยการเตรียมล่วงหน้า กิจวัตรที่ชัดเจน การสนับสนุนทางอารมณ์ และความร่วมมือกับโรงเรียน จะช่วยให้เด็กค่อย ๆ ปรับตัวได้ดีขึ้น ลดพฤติกรรมที่ยากลำบาก และสร้างความมั่นใจในการเผชิญสิ่งใหม่ ๆ
เครื่องมือและวิธีรับมือ ความโกรธและอาการระเบิดอารมณ์ ในเด็กออทิสติก
เด็กออทิสติกมักมีความท้าทายด้าน การสื่อสาร และ การควบคุมอารมณ์ เมื่อพวกเขาไม่สามารถบอกความต้องการหรือความรู้สึกได้ เกิดความ หงุดหงิด และนำไปสู่อารมณ์โกรธหรือการระเบิดอารมณ์ (tantrums)
ออทิสติกและโรคลมชัก: มีความเชื่อมโยงกันหรือไม่?
ความสัมพันธ์ระหว่างออทิสติกกับโรคลมชัก งานวิจัยจำนวนมากพบว่า โรคลมชักพบได้บ่อยในบุคคลที่เป็นออทิสติก มากกว่าคนทั่วไป ประมาณ 20–30% ของเด็กออทิสติกอาจมีอาการชัก ในช่วงหนึ่งของชีวิต
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy