แชร์

TMS ช่วยกระตุ้นพัฒนาการในเด็ก ASD ได้อย่างไร

TMS ช่วยกระตุ้นพัฒนาการในเด็ก ASD ได้อย่างไร


         ปัญหาสำคัญ 3 ด้านที่ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของเด็กออทิสติก ได้แก่ ด้านภาษา การเข้าสังคมและพฤติกรรมจำกัด ในปัจจุบันจึงได้มีการนำเครื่องกระตุ้นศีรษะด้วยคลื่นแม่เหล็กมาใช้รักษาในเด็กกลุ่มนี้ร่วมกับการฝึกกระตุ้นพัฒนาการด้วย

         การรักษาด้วย TMS เป็นการกระตุ้นที่บริเวณศีรษะตามตำแหน่งต่าง ๆ ที่มีความบกพร่อง โดยแพทย์จะวางแผนการรักษาออกมาเป็นรูปแบบตำแหน่งที่ต้องทำการกระตุ้นตามอาการผ่านการตรวจประเมินและวินิจฉัยโรค ในเด็กออทิสติกนั้นมีตำแหน่งในการกระตุ้นที่สัมพันธ์กับปัญหาหลักและมีความสำคัญต่อการกระตุ้นพัฒนาการอย่างมาก ได้แก่

รูปภาพจาก : https://www.istockphoto.com/th/
 

ตำแหน่งที่ 1 : บริเวณสมองส่วนหน้า ทำหน้าที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการ การวางแผน การแก้ปัญหา การตัดสินใจ การควบคุมอารมณ์ และบุคลิกภาพ ซึ่งตำแหน่งนี้มีองค์ประกอบสำคัญ คือ ส่วนที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับสติปัญญาขั้นสูง (Executive function) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ EF เป็นตำแหน่งที่นำมาใช้ในการกระตุ้นมากที่สุด 

ตำแหน่งที่ 2 : บริเวณสมองส่วนข้างด้านหน้า ทำหน้าที่เกี่ยวกับการสื่อสารทั้งในเรื่องของความเข้าใจภาษาและการเลือกใช้ภาษา

ตำแหน่งที่ 3 : บริเวณสมองส่วนข้างด้านหลัง ทำหน้าที่เกี่ยวกับการรับรู้และการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ การมีปฏิสัมพันธ์และการเข้าสังคม 

EF สำคัญต่อพัฒนาการเด็กอย่างไร
            สติปัญญาขั้นสูง (Executive Function : EF) เป็นกระบวนการทางความคิดของสมองส่วนหน้า ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับความคิด อารมณ์ และการกระทำ เพื่อบริหารจัดการสิ่งต่าง ๆ ในกิจกรรมการดำเนินชีวิต การเรียน และการทำงานให้บรรลุเป้าหมายหรือสำเร็จตามกำหนดได้ ซึ่งในวัยเด็กเป็นช่วงที่มีการพัฒนาทักษะนี้มากที่สุด โดย EF ประกอบไปด้วย 9 ด้าน ดังภาพ 



                                 รูปภาพจาก : https://www.planforkids.com/kids_corner/ef-executive-functions-9-group

1. ความคิดยืดหยุ่น (Shift / Cognitive Flexibility) เป็นความสามารถในการปรับเปลี่ยนความคิดหรือมุมมองการคิดตามเงื่อนไขและสถานการณ์ต่าง ๆ รวมถึงการคิดแก้ปัญหา คิดนอกกรอบ 

2. การยับยั้งชั่งใจ (Inhibitory Control) เป็นความสามารถในการยับยั้งความคิด การกระทำ และอารมณ์ เพื่อให้สามารถควบคุมตนเองในการทำกิจกรรมให้สำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ 

3. ความจำเพื่อการใช้งาน (Working Memory) เป็นความสามารถในการจดจำ เก็บข้อมูลและดึงเอาข้อมูลออกมาใช้ได้ทันทีจากประสบการณ์เดิมให้เหมาะสมกับสถานการณ์ 

4. ความสนใจจดจ่อ (Attention) เป็นความสามารถในการจดจ่อกับสิ่งที่กำลังทำอยู่อย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ โดยที่ไม่วอกแวก และทำงานจนสำเร็จได้ 

5. การควบคุมอารมณ์ (Emotional Control) เป็นความสามารถในการควบคุม จัดการและแสดงออกทางอารมณ์ได้อย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดอารมณ์รุนแรงที่อาจนำไปสู่ความก้าวร้าวในอนาคตได้ 

6. การประเมินตนเอง (Self-Monitoring) เป็นความสามารถในการคิดทบทวนการกระทำและสะท้อนผลของการกระทำได้เอง เมื่อพบข้อผิดพลาดสามารถเข้าใจ ยอมรับ นำมาแก้ไขและพัฒนาให้ดีขึ้นได้ 

7. การคิดริเริ่มและลงมือทำ (Initiating) เป็นความสามารถในการคิดริเริ่มและลงมือทำทันที โดยไม่ต้องมีคนเตือน เป็นความกล้าคิด กล้าทำ แบบไม่กลัวความผิดพลาด 

8. การวางแผนและการจัดการ (Planning and Organizing) เป็นความสามารถในการบริหารจัดการ โดยการตั้งเป้าหมาย วางแผนอย่างเป็นขั้นตอน มองภาพรวม จัดลำดับความสำคัญ รวมไปถึงการบริหารเวลาและทรัพยากร ถ้าเด็กขาดทักษะด้านนี้จะส่งผลกระทบต่อการทำงาน 

9. การมุ่งเป้าหมาย (Goal-Directed Persistence) เป็นความเพียรพยายาม มุ่งมั่นและอดทนลงมือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้โดยไม่ย่อท้อต่อความล้มเหลวใด ๆ 

         จากที่กล่าวถึงองค์ประกอบของ EF มาข้างต้น จะเห็นได้ว่าการมี EF ที่ดีในเด็กไปจนถึงวัยผู้ใหญ่นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก โดย EF จะทำหน้าที่ควบคุมกระบวนการเหล่านี้ให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ส่งผลช่วยให้เด็กคิดเองเป็น เรียนรู้ได้ แก้ปัญหาเป็น และสามารถปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างเหมาะสม ทำให้อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ดังนั้นผู้ปกครองควรส่งเสริมการพัฒนาทักษะ EF ให้เด็กได้รับการฝึกฝนผ่านประสบการณ์ต่าง ๆ และเปิดโอกาสให้เด็กได้ลงมือทำด้วยตนเอง


อ้างอิง
นันทา โพธิ์คำ. (2563). ทักษะสมอง EF สำหรับเด็กปฐมวัย Executive Functions for Early Childhood. วารสารมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2, หน้า 712-713.
สุนีรา อินทเสน และ มัธยันห์ แสนใจบาญ. (2563). Executive Function ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร, หน้า 2-3.
สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดชัยนาท. (2023). การพัฒนาทักษะทางสมอง EF (Executive Function).  


บทความที่เกี่ยวข้อง
4 วิธีช่วยให้ลูกออทิสติกผ่านวันหยุดไปได้อย่างราบรื่น
สำหรับบางครอบครัว โดยเฉพาะครอบครัวที่มีลูกเป็นออทิสติก ช่วงวันหยุดกลับกลายเป็นช่วงที่เต็มไปด้วยความเครียดและความกังวล เพราะพ่อแม่มักกังวลว่าประเพณีและความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในกิจวัตรประจำวัน จะส่งผลอย่างไรกับลูกของตน
ภาวะการแพ้กลูเตน และโรคเซลิแอค กับ เด็กออทิสติก
•กลูเตนคือโปรตีนที่พบในข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ข้าวไรย์ และมอลต์ •ใช้เป็นสารเพิ่มความหนืด รสชาติ หรือความคงตัวในอาหาร •แม้ข้าวโอ๊ตจะไม่มีกลูเตนโดยธรรมชาติ แต่เสี่ยงปนเปื้อน จึงมักแนะนำให้หลีกเลี่ยง •อาหารที่มักมีกลูเตน ได้แก่ พิซซ่า แครกเกอร์ พาสต้า คุกกี้ ขนมปัง เบเกิล และเบียร์
10 อันดับน้ำมันหอมระเหยที่ดีสำหรับเด็กออทิสติก และ เด็กสมาธิสั้น
น้ำมันหอมระเหย (Essential oils) คือของเหลวที่กลั่นจากส่วนต่างๆ ของพืช เช่น ใบ ดอก เปลือกไม้ ราก ฯลฯ ใช้บำบัดทั้งทางร่างกายและจิตใจ
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy