แชร์

ทำความรู้จักกับ QEEG และ Neurofeedback ...คืออะไร ทำงานอย่างไร?

ทำความรู้จักกับ QEEG และ Neurofeedback ...คืออะไร ทำงานอย่างไร?

        ก่อนที่จะพูดถึงการรักษาด้วย Neurofeedback ว่ามีส่วนช่วยในการรักษาและฟื้นฟูสมองของคนเรายังไงนั้น จะต้องทำความรู้จักเกี่ยวกับการตรวจวัดการทำงานของสมองด้วยการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (QEEG) กันก่อน

การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (Quantitative Electroencephalography : QEEG)

        เป็นการบันทึกสัญญาณไฟฟ้าสมอง ใช้ในการตรวจสอบการทำงานของสมองหรือเปรียบเทียบผลก่อนและหลังการรักษาด้วยวิธีการต่าง ๆ เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงการทำงานของสมอง ด้วยการติดอิเล็กโทรด (Scalp electrode) บนศีรษะ จำนวน 19 จุด ที่ตำแหน่งต่าง ๆ ตามหลัก 10-20 system โดยมีขั้วอ้างอิงอยู่ที่บริเวณติ่งหูทั้ง 2 ข้างจากนั้นสัญญาณไฟฟ้าสมองจะถูกนำไปวิเคราะห์และสร้างออกมาเป็นแผนที่สมอง (Brain mapping)

โดยคลื่นสมองสามารถแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่

- คลื่นเดลต้า (Delta wave) : เป็นคลื่นที่มีความถี่ประมาณ 1-3 Hz มักจะเกิดขึ้นในขณะนอนหลับ หลับลึก หรือช่วงที่ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่

- คลื่นเธต้า (Theta wave) : เป็นคลื่นที่มีความถี่ประมาณ 4-8 Hz มักจะเกิดขึ้นในขณะที่หลับตื้นๆ 

- คลื่นอัลฟา (Alpha wave) : เป็นคลื่นที่มีความถี่ประมาณ 8-12 Hz มักจะเกิดขึ้นในขณะที่กำลังรู้สึกสงบหรือผ่อนคลาย 

- คลื่นเบต้า (Beta wave) : เป็นคลื่นที่มีความถี่ประมาณ 12-30 Hz มักจะเกิดขึ้นในขณะที่กำลังทำงานหรือทำกิจกรรมอยู่ 

- คลื่นแกมม่า (Gamma wave) : เป็นคลื่นที่มีความถี่ประมาณ 30-100 Hz มักจะเกิดขึ้นในขณะที่สมองมีความตื่นตัวสูงมาก 

       หลังจากที่สัญญาณไฟฟ้าสมองถูกนำไปวิเคราะห์และสร้างออกมาเป็นแผนที่สมอง (Brain mapping) แล้ว จะทำให้เราเห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่าสมองส่วนไหนที่มีปัญหา เพื่อนำไปสู่การรักษาและฟื้นฟูให้สมองส่วนนั้นกลับมาสู่สภาวะปกติ  

                            รูปภาพจาก : https://appliedneuroscience.com/PDFs/Sample_Report.pdf

เมื่อทราบถึงปัญหาในสมองส่วนนั้น ๆ แล้ว ก็จะสามารถทำให้วางแผนการรักษาและฟื้นฟูสมองด้วยการทำ Neurofeedback ได้อย่างแม่นยำ 

นิวโรฟีดแบค (Neurofeedback)

       คือ การปรับการทำงานของสมองโดยการนำวิธีการสะท้อนกลับของคลื่นสมองมาเป็นตัวช่วยในการปรับคลื่นสมอง โดยเริ่มจากการติดอิเล็กโทรด (Scalp electrode) บนศีรษะ เพื่อวัดคลื่นสมองแบบ Real-time แล้วนำผลลัพธ์ที่ได้มาแสดงให้ผู้เข้ารับการฝึกเห็นผ่านทางภาพ วิดีโอ หรือเสียง ซึ่งภาพที่เห็นและเสียงที่ได้ยินนั้นจะมีความชัดเจนมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับการควบคุมคลื่นสมองให้เหมาะสมนั่นเอง

 


บทความที่เกี่ยวข้อง
การจัดการพฤติกรรมและอารมณ์เมื่อต้องเผชิญความเปลี่ยนแปลงในเด็กออทิสติก
การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องยากสำหรับเด็กออทิสติก แต่ ด้วยการเตรียมล่วงหน้า กิจวัตรที่ชัดเจน การสนับสนุนทางอารมณ์ และความร่วมมือกับโรงเรียน จะช่วยให้เด็กค่อย ๆ ปรับตัวได้ดีขึ้น ลดพฤติกรรมที่ยากลำบาก และสร้างความมั่นใจในการเผชิญสิ่งใหม่ ๆ
ทีเอ็มเอส  (TMS) รักษาอาการหลักของโรคออทิสติก (ASD) ได้แล้ว
เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี ค.ศ. 2024 ในวารสารการแพทย์เฮลิยอน มีบทความตีพิมพ์ฉบับล่าสุดเกี่ยวกับการทบทวนงานวิจัยอย่างเป็นระบบ (systematic review) สำหรับการรักษาโรคออทิสติกด้วยเครื่องกระตุ้นคลื่นแม่เหล็กผ่านสมอง (Yuan, 2024) นี่เป็นอีกครั้งที่ TMS (Transcranial Magnetic Stimulation)
ความรักและความสัมพันธ์ในออทิสติก
ผู้ที่มีภาวะออทิสติกมักมี วิธีแสดงความรักและความผูกพัน ที่แตกต่างจากคนทั่วไป เช่น อาจไม่สบตา ไม่กอด หรือไม่พูดคำหวาน แต่ไม่ได้หมายความว่า พวกเขาไม่มีความรักหรือไม่ต้องการความสัมพันธ์ เพียงแต่การแสดงออกของเขาไม่อยู่ในรูปแบบที่สังคม คาดหวัง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy