แชร์

เมื่อลูกกินยาก ทำอย่างไรดี

         เมื่อเด็กเข้าสู่ช่วงวัย 1 - 3 ปี เป็นวัยที่มีความคิดเป็นของตัวเองค่อนข้างสูง เริ่มรู้จักความต้องการของตนเอง รู้จักการปฏิเสธมากขึ้น ปัญหาที่มาจากการที่เด็กเริ่มรู้จักตัวเองมากขึ้น คือ เลือกกิน กินยาก เบื่ออาหาร และไม่ยอมกินอาหาร ซึ่งปัญหานี้เป็นความกังวลใจของผู้ปกครองที่ส่งผลต่อความเครียดและอารมณ์ที่เกิดขึ้นในขณะที่บังคับให้ลูกทานอาหารให้ได้ตามเกณฑ์โภชนาการ ในวัยทารกก่อนถึงอายุ 1 ปี เด็กต้องทานอาหารที่มีลักษณะอ่อนนิ่ม พออายุ 1 ปีขึ้นไป เริ่มมีการปรับอาหารให้มีลักษณะที่แข็งขึ้น ทำให้ต้องใช้ฟันบดเคี้ยวอาหาร เป็นความพยายามในการทานอาหารที่ยากกว่าการดูดนม ทำให้เด็กต้องใช้เวลาปรับตัวในการทานอาหารมากขึ้น อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เด็กปฏิเสธอาหารได้

ปัญหาที่พบบ่อย

1. เลือกทานแต่อาหารที่ตนเองชอบ และไม่สนใจลองอาหารใหม่ ๆ

2. เมื่อนำอาหารที่เด็กไม่ชอบมาจัดใส่จาน เด็กมักจะเขี่ยอาหารออก

3. ปฏิเสธการทานอาหาร มีความสนใจในการทานอาหารน้อยลง หรือเบื่ออาหาร

4. เลือกทานแต่ขนมกรุบกรอบ ไม่สนใจทานอาหารมื้อหลัก

5. อมข้าวค้างไว้ในปากนาน ๆ เมื่อป้อนคำใหม่แล้วไม่ยอมเคี้ยวจนกักอาหารไว้ในปากเป็นคำโต

6. ทานอาหารช้า เคี้ยวได้ทีละน้อย ๆ ทำให้ใช้เวลาในการทานอาหารนานเป็นชั่วโมง

แนวทางการปรับพฤติกรรม

1. ควรลดปริมาณขนม อาหารที่มีแป้งและน้ำตาลก่อนมื้ออาหารหลัก เพราะจะทำให้เด็กอิ่มก่อน

2. ระหว่างวันควรจำกัดปริมาณขนมที่เด็กทานต่อวัน เพื่อให้เด็กทานอาหารได้ครบปริมาณที่ควรได้รับต่อมื้อ

3. จัดสรรปริมาณนมและอาหารมื้อหลักให้สมดุลกัน เนื่องจากในเด็กที่ไม่อยากทานอาหาร มักชอบทานนมในปริมาณที่เยอะกว่า ทำให้เด็กอิ่มก่อนมื้ออาหารจริง

4. ส่งเสริมให้เด็กได้มีส่วนร่วมในการทำอาหาร เช่น ช่วยล้างผัก หยิบวัตถุดิบตามคำบอก จัดจานบนโต๊ะ เป็นต้น เพื่อกระตุ้นให้มีความรู้สึกอยากอาหารเพิ่มมากขึ้น

5. ฝึกให้เด็กรับผิดชอบอาหารของตนเอง โดยคนในครอบครัวนั่งรับประทานอาหารพร้อมกัน สามารถลุกออกจากเก้าอี้ได้เมื่อทานอาหารเสร็จแล้วเท่านั้น

6. จัดปริมาณอาหารให้เหมาะสมกับเด็ก กล่าวชมเมื่อเด็กรับประทานอาหารหมด

7. ไม่ควรบังคับ ต่อว่า หรือดุ เมื่อเด็กทานข้าวไม่หมด เพราะจะทำให้เด็กมีภาพจำที่ไม่ดีกับการทานข้าว และหลีกเลี่ยงปัญหาการปฏิเสธอาหารที่อาจตามมา

8. ผู้ปกครองควรสร้างกฏ กติกาการรับประทานอาหารร่วมกันในบ้าน ปฏิบัติตามข้อตกลงที่ให้ไว้กับลูกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้เด็กปฏิบัติตาม

9. หากเด็กไม่ชอบอาหารบางชนิด ควรเริ่มจากการดัดแปลงอาหารชนิดนั้น ๆ แล้วจัดจานบนโต๊ะให้เด็กได้ลองสัมผัสอาหารที่ไม่ชอบในรูปแบบต่าง ๆ นอกจากนี้การที่ผู้ปกครองร่วมทานอาหารแบบเดียวกับเด็ก ช่วยส่งเสริมให้เด็กอยากเรียนรู้ อยากลองชิมอาหารที่ผู้ปกครองทานเหมือนกันอีกด้วย

10. เลือกภาชนะใส่อาหารให้มีสีสันน่ารัก หรืออาจเป็นภาพลายการ์ตูนที่เด็กโปรดปราน โดยให้เด็กได้มีการตัดสินใจเลือกด้วยตนเอง เพื่อเป็นการกระตุ้นความอยากอาหารของเด็กได้อีกด้วย

อ้างอิง
บานชื่น สุวรรณเทพ. (2556). พัฒนาการการกินอาหารในเด็ก. ตำราพัฒนาการเด็กและพฤติกรรมเด็ก, 3, หน้า 139-155.
วิฐารณ บุญสิทธิ. (2538). ปัญหาการกินในเด็ก. ตำราจิตเวชเด็กสำหรับกุมารแพทย์ (ฉบับปรับปรุง), หน้า 104-109.

 

 


บทความที่เกี่ยวข้อง
4 วิธีช่วยให้ลูกออทิสติกผ่านวันหยุดไปได้อย่างราบรื่น
สำหรับบางครอบครัว โดยเฉพาะครอบครัวที่มีลูกเป็นออทิสติก ช่วงวันหยุดกลับกลายเป็นช่วงที่เต็มไปด้วยความเครียดและความกังวล เพราะพ่อแม่มักกังวลว่าประเพณีและความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในกิจวัตรประจำวัน จะส่งผลอย่างไรกับลูกของตน
ภาวะการแพ้กลูเตน และโรคเซลิแอค กับ เด็กออทิสติก
•กลูเตนคือโปรตีนที่พบในข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ข้าวไรย์ และมอลต์ •ใช้เป็นสารเพิ่มความหนืด รสชาติ หรือความคงตัวในอาหาร •แม้ข้าวโอ๊ตจะไม่มีกลูเตนโดยธรรมชาติ แต่เสี่ยงปนเปื้อน จึงมักแนะนำให้หลีกเลี่ยง •อาหารที่มักมีกลูเตน ได้แก่ พิซซ่า แครกเกอร์ พาสต้า คุกกี้ ขนมปัง เบเกิล และเบียร์
10 อันดับน้ำมันหอมระเหยที่ดีสำหรับเด็กออทิสติก และ เด็กสมาธิสั้น
น้ำมันหอมระเหย (Essential oils) คือของเหลวที่กลั่นจากส่วนต่างๆ ของพืช เช่น ใบ ดอก เปลือกไม้ ราก ฯลฯ ใช้บำบัดทั้งทางร่างกายและจิตใจ
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy